ภาพเก่าเล่าขาน ตำนานเมืองศรีสะเกษ
ภาพแรกจากเขาพระวิหาร เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๒ ก่อนขึ้นศาลโลก
ภาพเก่าๆบอกเล่าเรื่องราวของจังหวัดศรีสะเกษที่จัดแสดงในงาน
"ภาพเก่าเล่าขานตำนานเมืองศรีสะเกษ" มาให้ได้ชมกัน
ตามด้วยเกร็ดประวัติศาสตร์เมืองศรี และเรื่องราวต่างๆที่ค้นคว้านำเสนอให้อ่านกันครับ
เริ่มเรื่องแรกด้วยประวัติเมืองศรีสะเกษที่ผมเคยเขียนถึงในเอนทรี่แรกๆของผม
ที่บอกว่า........ประวัติเมืองศรีสะเกษที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
พบได้ในพงศาวดารไทยช่วงท้ายกรุงศรีอยุธยาก่อนเสียกรุง
เป็นเรื่องการก่อตั้งเมืองศรีสะเกษในยุคแรก (ศรีนครลำดวน)
คราวนี้ผมเพิ่งไปอ่านตำราประวัติศาสตร์ของลาวเล่มหนึ่ง กล่าวถึงชื่อเมืองศรีสะเกษเอาไว้ด้วย โดยชื่อปรากฏอยู่ในบันทึกการบริหารจัดการแผ่นดินของเจ้าสร้อยสีสมุทพุทธางกูรในขณะที่ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์พระองค์แรก
(พ.ศ.2256-2281) ได้ทรงตั้งเจ้าเมืองไปปกครองดูแลหัวเมืองในดินแดนปกครองของจำปาศักดิ์
ซึ่งปรากฏว่ามีชื่อเมืองศรีนครเขต (อยู่ที่เดียวกันกับศรีสะเกษในปัจจุบัน)
เกี่ยวข้องอยู่ด้วย ผมสแกนมาให้ดูกันเล่นๆด้วยครับ
ในข้อที่ 5. วงสีแดงๆไว้นั่นแหละครับ
แปลได้ว่า..ให้จาน(อาจารย์)เซียงไปเป็นเจ้าเมืองศรีนครเขต
อยู่ในเขตจังหวัดศรีสะเกษประเทศไทยบัดนี้ (ในศรีสะเกษมีรูปเมืองนครลำดำดวนอยู่)
จากตรงนี้ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าศรีสะเกษมีชื่องของเมืองปรากฏมานามมากแล้วครับ
และอาจพ้องกับชื่องของเมืองโบราณในนิยายปรำปราของเมืองศรีสะเกษที่กล่าวถึงเมือง 3
เมืองในดินแดนแถบนี้ ได้แก่เมืองกตะศิลา
เมืองอินทเกษ(ชื่อนี้ใกล้เคียงกับคำว่าศรีสะเกษ) และเมืองชีทวน โดยเมืองกตะศิลา
และเมืองชีทวน
มีการค้นพบแนวคูเมืองและแนวกำแพงเมืองในตำแหน่งที่มีการบอกเล่ากันมา
โดยสิ่งที่ขุดค้นพบมีรูปแบบศิลปะที่เก่าแก่กว่าสมัยฟูนัน หรือเจนละ
สันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในสมัยทวารวดี
ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะมีเมืองดังกล่าวอยู่จริง ส่วนเมืองอินทเกษหรือศรีสะเกษยังไม่มีการค้นพบแนวคูเมืองหรือแนวกำแพงแต่อย่างใด
ผมเคยเขียนถึงเรื่องนี้ในเอนทรี่แรกๆ โดยคัดมาจากหนังสือของ อ.ศรีศักดิ์
วัลลิโภดม ว่า..
" การก่อตั้งชุมชนในสมัยโบราณของอีสานนั้น
เชื่อกันว่ามีขนาดใหญ่เล็กกระจัดกระจายอยู่ในเขตพื้นที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำโขง ลุ่มแม่น้ำชี และลุ่มแม่น้ำมูล
มีการก่อตั้งและฟักตัวมาหลายพันปี ผ่านการต่อสู้เพื่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์
โดยการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพธรรมชาติ
ขณะเดียวกันก็ต้องอพยพเพื่อค้นหาพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศที่ดี น้ำท่า ดินดี
แหล่งอาหารตามธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
จนสามารถสร้างและพัฒนาเป็นชุมชนขนาดใหญ่มากมายหลายแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นชุมชนภายใต้การปกครอง การขยายอาณาเขต ของอาณาจักรฟูนัน
อาณาจักรเจนละ อาณาจักรกัมโพช การผ่านเปลี่ยนในแต่ละยุคสมัย
ชนพื้นเมืองต้องต่อสู้ผ่านความยากลำบาก และล้มตายไป
เพื่อสนองความเชื่อด้วยการสร้างเทวสถานอันยิ่งใหญ่ของผู้มีอำนาจ
แม้ว่าท้ายที่สุดอาณาจักรใหญ่เหล่านั้นก็แพ้ภัยตัวเอง เสื่อมอำนาจล่มสลายไป
แต่ชนพื้นเมืองก็ยังคงดำรงอยู่สืบต่อๆมา "
ขออนุญาตจบเรื่องเกร็ดประวัติเมืองศรีสะเกษไว้ประมาณนี้ก่อนนะครับ
เพราะยังมีเรื่องที่จะเขียนและจะพาชมภาพกันอีกครับ
โดยสืบเนื่องจากทางวัฒนธรรมจังหวัดได้จัดงานแสดงภาพเก่า
และเสวนาเรื่องตำนานเมืองศรีสะเกษ แล้วได้เชิญผมมาร่วมเสวนาด้วย
ในงานนี้ทำให้ผมได้เห็นภาพเก่าๆที่น่าสนใจหลายภาพมากครับ
จึงได้เอามาให้ชมกันพร้อมคำบรรยายตามสไตล์ผมนะครับ
ส่วนเรื่องงานเสวนาก็เป็นการพูดคุยกันของท่านผู้ว่าฯ
ที่ต้องการรับทราบเรื่องราวทางวัฒนธรรม
และการแสดงความคิดเห็นของผู้รู้ด้านต่างๆทางวัฒนธรรมครับ ภาพที่เอามาให้ชมผมจะแบ่งเป็นกลุ่มๆนะครับ
ชุดแรกขอนำเสนอเรื่องราวร้อนๆก่อนเลยครับ เป็นภาพชุดปราสาทพระวิหารเก่าๆและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องครับ
ภาพที่ 1
ภาพที่ 2
ภาพที่ 3
ภาพที่ 4
สี่ภาพแรกนี้เป็นการเสด็จมาปราสาทพระวิหารของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งในขออ้างในคำให้การสมัยคดีความปี 2505 ผมนำภาพมาให้ดูบรรยากาศสมัยโน้นครับ ต้องเดินทางข้ามป่าข้ามเขารอนแรมมาด้วยช้าง
หนทางน่าจะลำบากมาก นี่ขนาดเป็นฝั่งไทยที่ทางลาดลงมานะครับ
ลองนึกภาพดูว่าถ้าเป็นทางฝั่งเขมรมันจะขึ้นมากันยังไงเนี่ยสมัยนั้น
การเสด็จมาในครั้งนี้ของพระองค์ท่านทำให้เมืองศรีสะเกษมีการปรับปรุงตัวเมืองทำถนนเพื่อรับเสด็จ
และทางคณะที่เสด็จมาได้ปลูกพลับพลาที่ประทับ ณ ริมห้วยฝั่งตรงข้ามกับตัวเมือง
(ห้วยสำราญ) ทำให้ต่อมาพื้นที่นั้นใช้เรียกชื่อหมู่บ้านว่า บ้านโนนสำนัก
ห้วยที่ทรงลงอาบน้ำ ก็เรียกว่าห้วย(พระเกษม)สำราญ
ภาพนี้เป็นการเดินขบวนประท้วงเขมรในกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหารเมื่อพ.ศ.2504 ก่อนจะมีการตัดสินของศาลโลกครับ เป็นการประท้วงที่อ.ขุนหาญ
ซึ่งการเดินขบวนประท้วงแบบนี้มีทุกพื้นที่ในศรีสะเกษครับ
ภาพของขุนศรี ขุขันธ์เขต(ชม
รัตนา)ผู้เฝ้าถ้ำขุนศรีใกล้สระตราว เขาพระวิหาร เป็นผู้ดูแลปราสาทคนสุดท้ายครับ
โปสการ์ดจากภาพถ่ายพระวิหาร
ธงชาติไทยที่เป้ยตาดีครับ
จริงๆแล้วมีเป็นสิบๆรูปเลยครับ
ทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร
เจ้าของถาพบอกว่าถ่ายไว้ตั้งแต่ก่อนพ.ศ.2500
แต่จำปีที่แน่นอนไม่ได้ครับ
รูปนี้เป็นไฮไลท์ของงานอีกรูปหนึ่ง
เพราะรูปนี้คือตำนานครับ
รูปนี้เป็นอุบัติเหตุรถทัศนาจรของโรงเรียนหนึ่งนำคณะครูนักเรียนไปเขาพระวิหาร
ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ
มีครูผู้หญิงท่านหนึ่งกระโดดออกจากตัวรถขณะที่รถกำลังเอียงจึงถูกรถทับเสียชีวิต
ส่วนคนอื่นๆในรถไม่มีใครเป็นอะไรเลย ครูท่านนั้นชื่อว่า "แดง"
สถานที่แห่งนั้นจึงตั้งชื่อว่า "ผามออีแดง" ครับ
ภาพในชุดต่อมาผมนำภาพเก่าๆจากหลายๆแห่งของเมืองมาให้ชมครับ
ปราสาทตำหนักไทร อ.ขุนหาญ 2505
จากรูปที่เห็นผมเพิ่งผ่านไปแวะดูเมื่อไม่กี่ปีก่อน
จำได้ว่าไม่เห็นสิงห์ตัวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าแล้วนะครับ
หายไปไหนน้อ...ใครรู้ช่วยบอกทีครับ
น้ำตกบักดอง ที่อ.ขุนหาญครับ สมัยนั้นยังไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของศรีสะเกษ
ยังดูบริสุทธิ์มากเลยครับ
ในภาพนี้คือถนนกลางเมืองราษีไศลเมื่อห้า-หกสิบมาแล้วครับ
ยังเป็นดินทราย+ลูกรังอยู่เลยครับ ราษีไศลเป็นเมือง
ริมแม่น้ำมูล
การเดินทางติดต่อราชการกับตัวจังหวัดต้องลงเรือข้ามฟากเอา
ในภาพเป็นสมัยที่ยังไม่มีสะพานครับ
หาดทรายริมน้ำมูลราษีไศลในยุคเดียวกับภาพด้านบนครับ
ในภาพจะเห็นเรือซึ่งชาวราษีไศลใช้เดินทางติดต่อทำมาค้าขายกับเมืองอื่นครับ ริมน้ำมูลปี2509 จะเห็นตัวแม่น้ำที่กว้างและลึก
ต่างจากในปัจจุบันมากครับ (ลองไปดูได้ที่เอนทรี่แรกของผมครับ)
ที่ว่าการอำเภอขุขันธ์เมื่อปี
2483 กำลังมีการจัดงานประเพณีของอำเภอครับ จวนผู้ว่าสมัยที่ยังเรียกว่าจังหวัดขุขันธ์ครับ
กลุ่มผู้มารับเสด็จในหลวงเมื่อปี2495
ถ่ายรูปร่วมกันที่ป้ายสถานีรถไฟศรีสะเกษครับ
ภาพชุดในหลวงเสด็จศรีสะเกษผมเคยนำเสนอไปบางส่วนแล้วครับ
ตอนนี้ได้ภาพมาเพิ่มครบแล้ว กะว่าจะเขียนเป็นเอนทรี่ใหม่เลยเพราะมีภาพเยอะมาก
หลายสิบภาพครับ จะเผยแพร่เพื่อให้ลูกหลานเมืองศรีสะเกษได้รับรู้และชื่นชมครับ
ต้นตาลเก้ายอดที่อำเภอขุขันธ์ครับ
อายุยืนคู่กับเจ้าเมืองขุขันธ์มาถึงเก้าท่านเลยทีเดียวครับ
รร.สตรีสิริเกศ ปีพ.ศ.2506 เป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดคู่กับศรีสะเกษวิทยาลัย(ขุขันธ์ราษฎร์รังรักษ์)โรงเรียนชายประจำจังหวัดครับ
วงเวียนแม่ศรีสระผมที่หน้าสถานีรถไฟศรีสะเกษ เมื่อปี2515
เรือนแถวหลังคาสังกะสีที่เห็นปัจจุบันกลายเป็นตึกแถวสูงๆไปหมดแล้วครับ
พระอุโบสถวัดหลวงสุมังคลาราม วัดฝ่ายธรรมยุตต์ เมื่อปี 2518
ในภาพเป็นงานบวชครับ
งานตักบาตรเทโว ปี2518 ที่วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม
วัดฝ่ายมหานิกายครับ
งานบวชสมัยก่อนในศรีสะเกษมีการนำช้างมาร่วมขบวนด้วย
เพราะศรีสะเกษก็มีชาวส่วยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งมีวิถีชีวิตผูกพันกับช้างครับ
ส่วนภาพนี้เป็นงานศพเมื่อ 10 ก.พ.2483 น่าจะเป็นศพพระผู้ใหญ่
หรือคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองสักคนครับ
ภาพสุดท้ายเป็นภาพถ่ายจากคุ้มในตัวเมืองศรีสะเกษครับผมจำรายละเอียดของคนในภาพไม่ได้ครับแล้วจะค้นมานำเสนออีกทีครับ
|
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น