ประวัติถ้ำนาคา ภูลังกา
ถ้ำนาคา เป็นถ้ำหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และอยู่ใกล้กับวัดถ้ำชัยมงคล หากต้องการขึ้นไปเที่ยวต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 1,400 ขั้น ถึงจะไปถึงที่หมาย โดยสาเหตุที่ถ้ำแห่งนี้ มีชื่อเรียกว่า ถ้ำนาคา หรือ ถ้ำพญานาค เป็นเพราะตัวหินและผนังถ้ำล้วนมีรูปทรงคล้ายพญานาคนอนขดตัว
โดยเฉพาะหิน ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับเกล็ดงูขนาดใหญ่ ประดับอยู่เต็มบริเวณ ประกอบกับมีมอสสีเขียวปกคลุม ดูสวยงาม แต่ก็น่าพิศวงยิ่งนัก แถมบริเวณที่ไม่ไกลจากตัวถ้ำมีก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนหัวงงูยักษ์ตกอยู่ด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงมีเรื่องเล่าตำนานถ้ำนาคา เชื่อมโยงกับความเชื่อที่ว่า ถ้ำนาคา คือ พญานาค ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน โดย “อือลือราชา” หรือ “ปู่อือลือ” เจ้านครบาดาล ไม่พอใจบริวารซึ่งเป็นพญานาคไปสมสู่กับมนุษย์ จึงบันดาลโทสะสาปให้เป็นหินดังกล่าว ขณะเดียวกันตำนานยังเล่าต่อว่า บริเวณ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เป็นดินแดนบาดาลที่มนุษย์และพญานาคสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้ ก่อนกลายถ้ำนาคา หรือ ถ้ำพญานาค อยู่บนอุทยานแห่งชาติภูลังกาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ถ้ำนาคา กับความพิศวง
แน่นอนด้วยรูปลักษณ์ของถ้ำนาคา ที่มีลักษณะแปลกไม่เหมือนถ้ำอื่นๆ ตรงที่มีหินคล้ายงูยักษ์นอนขดทอดยาวอยู่ จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยากเข้าไปเยี่ยมชม และสัมผัสความพิศวงของธรรมชา
- ตำนานพญานาค
- ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
- ความศักดิ์สิทธิ์
- ความงามธรรมชาติ
ถ้ำนาคา ตำนานพญานาค
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ในตำนานเคยเป็นเมืองบาดาลมาก่อน และมีพญานาคถูกสาปไว้ ทำให้ตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้มีเค้าโครงจะเป็นเรื่องจริง เพราะหลักฐานชิ้นสำคัญนั่นก็คือผนังถ้ำนาคาที่มีเกล็ดคล้ายงู และยังมีรอยโค้งเว้าทำให้ดูเหมือนขนดงูที่นอนขดอยู่จริงๆ อีกทั้งยังมีก้อนหินลักษณะคล้ายงูตกอยู่ไม่ไกลจากตัวถ้ำนั่นเอง
ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
ตามหลักธรณีวิทยา ก็ทำให้ทราบว่าการปรากฏตัวของหินคล้ายงูยักษ์ในครั้งนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ จากบันทึกของนักธรณีวิทยา ว่าไว้ว่า ตัวถ้ำนาคา หรือส่วนที่เป็นลำตัวพญานาค เกิดจากการยกตัวของแผ่นดิน (Tectonic uplift) ในภาคอีสาน
ทำให้เกิด “รอยเว้าผนังถ้ำ (cave notch)” ที่มีลักษณะโค้งนูนออกมา และคั่นสลับด้วยผนังหินที่โค้งเว้าเข้าไป จากนั้นเกิดการกัดเซาะที่เป็นวัฏจักร (Cyclic Erosion) ในยุคน้ำแข็งสลับกับยุคโลกร้อนที่เกิดเป็นวงรอบประมาณทุกๆ 1 แสนปี
ส่วนหินที่ดูคล้ายเกล็ดพญานาค เกิดจากการขยายตัวและหดตัวของผิวหน้าของหิน ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่า “ซันแครก” (Sun Cracks) โดยจะเกิดขึ้นเป็นวัฏจักรสลับปรับเปลี่ยนระหว่างความร้อนจากแสงแดดในช่วงกลางวันกับความเย็นในช่วงกลางคืน
กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาที่ยาวนานนับแสนปีหรือนานกว่านั้น จนพื้นผิวของหินแตกเป็นลายคล้ายเกล็ดพญานาคหรืองูยักษ์ดังที่เห็น ส่วนบริเวณที่คิดว่าเป็นหัวงูนั้น เป็นหินก้อนใหญ่หินที่แตกหล่นมาจากหน้าผา โดยบริเวณส่วนหัวมีลวดลายเป็นรอยแตกของผิวหน้าของหินแบบซันแครก ที่ดูคล้ายผิวหนังของงูยักษ์เช่นกัน
ความศักดิ์สิทธิ์
ตามความเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เกิดขึ้นเหมือนกับตำนานถ้ำนาคาจริงๆ บวกกับในอดีตเคยมีพระสงฆ์อย่าง ครูบาวัง ฐิติสาโร พระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ศิษย์หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาจำพรรษาอยู่ จึงทำให้สถานที่นี้อุดมไปด้วยความขลัง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น